“ ทุกคนบนโลกใบนี้ไม่มีใครสามารถตัดสินศิลปะได้ ”
คำพูดเพียงคำเดียวของเขา ส่งผลต่อทัศนคติในการตัดสินคุณค่าความสวยงามของชิ้นงานต่าง ๆ ได้มากมายในปัจจุบันบนโลกใบนี้ มาทำความรู้จักกับเขาคนนี้ ศิลปินผู้มีใบหน้าทะเล้น ดวงตาโต มาพร้อมกับหนวดสุดชิค แหลมยาวโดดเด่นสะดุดตา ชี้เป็นตัวเลขเข็มนาฬิกาบอกเป็นเวลา 10:10 ที่กลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา อีกทั้งยังเป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น “เจ้าพ่อแห่งศิลปะ Surrealist ” ที่กลายเป็นไอคอนของโลกศิลปะมาจนถึงทุกวันนี้อีกด้วย
ซัลวาโด ดาลี (Salvador Dali) ศิลปินผู้มีหนวดยาวเป็นเอกลักษณ์ มาพร้อมกับผลงานแนวเหนือจินตนาการเกินจะคาดคิด ผู้เลื่องลือชื่อดังชาวสเปน ตาลุงหนวดเกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ปีค.ศ. 1904 เขาเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว ทำให้พ่อแม่ทุ่มเทความรักและความหวงแหนเป็นอย่างมาก ตาลุงหนวดได้ฉายแววความเป็นอัจฉริยะทางศิลปะที่มีความคิดเป็นตัวของตัวเองแน่วแน่ไม่เหมือนใครมาตั้งแต่ยังเด็ก โดยเขาเริ่มต้นเขียนภาพตั้งแต่อายุเพียงแค่ 9 ปี จนเมื่ออายุ 15 ปี ก็ได้เริ่มจัดงานนิทรรศการภาพวาดของตัวเองเป็นครั้งแรกที่โรงละครในเมืองฟิกกูเรส (Figueres) ประเทศสเปน
ในด้านการศึกษาของเขา ตาลุงหนวดได้เข้าเรียนศึกษาวิชาศิลปะ จากโรงเรียนสอนศิลปะแห่งหนึ่งที่เมืองมาดริด (Madrid) แต่เขาไม่เคขเข้าสอบเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะความคิดที่เชื่อว่า “ไม่มีใครสามารถตัดสินศิลปะได้” จนทำให้เขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนถึงสองครั้ง แต่ตาลุงหนวดก็ไม่ได้สนใจ และยังคงเรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะอย่างต่อเนื่อง โดยศึกษางานจากศิลปินรุ่นก่อนอย่างหลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นแนวคลาสสิค แนวสมัยใหม่ รวมถึงยังเคารพในตัวผลงานของศิลปินอย่าง ราฟาเอล เฟอร์เมร์ และปิกัสโซอีกด้วย แต่ในตอนที่เขาอายุได้ 20 ปี ก็ถูกจับเข้าคุกด้วยเหตุผลบางอย่างทางด้านการเมือง จนกระทั่งอีก 5 ปี ภายหลังต่อมา ตาลุงหนวดก็ได้เข้าร่วมกับศิลปินลัทธิ Surrealism อย่างเต็มตัว โดยมุ่งเน้นไปในแนวทางความคิดที่เพ้อฝันเหนือความเป็นจริง
ศิลปะเหนือจินตนาการแนว Surrealist
1. The Persistence of Memory
2. The Enigma of Hitler
“Surrealism ศิลปะเกินความจริง ไม่สามารถเกิดขึ้นได้
เป็นลัทธิที่สะท้อนจิตสำนึกของศิลปินออกมาโดยไม่ต้องอ้างอิงเหตุผล หรือความเป็นไปได้บนโลก”
ผลงานที่เป็นสไตล์ชื่อดังของตาลุงหนวด กับความคิดสร้างสรรค์สุดล้ำ การเขียนภาพในแบบความเป็นตัวเองที่เด่นชัด ซึ่งแต่ละภาพได้ซ่อนความหมายสุดลึกล้ำเกินกว่าที่จะจินตนาการออกมาได้ โดยให้ผู้ที่รับชมรูปภาพได้ตีความหมายด้วยความรู้สึกของตัวเอง ปัจจุบันตาลุงหนวดก็ยังได้สร้างผลงานไว้มากมายกว่า 1,500 ภาพ อีกทั้งยังมีงานศิลปะในด้านสาขาอื่น ๆ อย่างเช่น ประติมากรรม ภาพยนตร์ แฟชั่น สถาปัตยกรรม ด้วยความเป็นเอกลักษณ์แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ทำให้ชิ้นงานของเขาได้รับการยอมรับและมีอิทธิพลต่อวงการศิลปะที่สุดในยุคของศตวรรษที่ 20 มาจนถึงยุคสมัยปัจจุบันนี้
ศิลปะเหนือจินตนาการแนว Surrealist
ผลงานในตำนานที่สร้างชื่อเสียงให้ Salvador Dalí
1. The Persistence of Memory
ความทรงจำอันตราตรึง
หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกกันติดปากว่า “นาฬิกาเหลว” ผลงานชิ้นนี้เป็นอีกผลงานชิ้นโบว์แดงของ Salvador Dalí เพราะไม่ว่าจะเปิดไปในหนังสือเกี่ยวกับ Surrealist เล่มไหนก็จะเจอผลงานชิ้นนี้เสมอ จนกลายเป็นภาพที่บรรยายของคำว่า Surrealist จนชินตาไปเลยก็ว่าได้ โดยภาพนี้เป็นภาพวาดสีน้ำมันที่วาดขึ้นขนาด 24 × 33 เซนติเมตร ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1904 ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ที่ Museum of Modern Art (MoMA) เมืองนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา
“นาฬิกานิ่ม” เป็นสัญญะทางจิตใต้สำนึกของเวลาและอวกาศ ”
ความคิดที่ตีอยู่ในหัวของเขา หล่อหลอมจนกลายมาเป็นภาพนาฬิกาที่หลอมละลายนี้ โดยคาดคะเนจากการล่มสลายของกฎเกณฑ์ในจักรวาล บวกจากการดูองค์ประกอบในภาพสิ่งที่เด่นชัดที่สุดคือนาฬิกาพกที่อ่อนตัว เป็นตัวแทน “ความอ่อน” และ “ความแข็ง” ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาคิดในขณะนั้น และนอกจากนั้นยังมีนักประวัติศาสตร์ศิลป์ที่ได้มีการตีความจากหลาย ๆ อย่างทำให้เกิดความเชื่อเกี่ยวกับการเชื่อมโยงเข้ากับทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ที่กล่าวถึงการขยายขนาดของเวลา แต่สุดท้ายแล้วตาลุงหนวดก็ได้อธิบายถึงแนวคิดนี้ว่าไม่ได้เกิดจากทฤษฎีสัมพัทธภาพแต่อย่างใด
แรงบันดาลใจที่แท้จริงมาจาก “การสังเกตเนยแข็งที่ละลายเมื่อโดนแสงอาทิตย์”
ตาลุงหนวดอาจจะจินตนาการจากการใช้นาฬิกาเป็นของล้อเลียน เหมือนกับการเดินทางของเวลาที่แสดงเป็นเที่ยงตรงคงที่ ตรงกลางอาจเป็นภาพที่เป็นลักษณะคล้ายกับใบหน้าของมนุษย์ ซึ่งเขาอาจจะใช้แทนเป็นตัวเขาเอง ซึ่งมีให้เห็นในผลงานหลายชิ้น หรือบางทีก็อาจจะเกิดจากการตีความว่าเป็นสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่ปรากฎตัวขึ้นในความฝันของเขาก็เป็นไปได้ ซึ่งการตีความหมายของภาพนี้เกิดจากผู้รับชมที่สังเกตเห็นว่า วัตถุบางอย่างในรูปภาพนี้มันหลับตาอยู่หนึ่งข้าง ซึ่งเปรียบเปรยความได้ว่า “ความทรงจำอันตราตึง” ที่แสดงถึงความเพ้อฝัน อีกทั้งมุมซ้ายด้านล่างของรูปภาพที่มีนาฬิกาสีส้ม มีมดตอมด้านบนเป็นฝูง แทนความหมายของคำว่า “เสื่อมโทรม” ถัดจากนาฬิกาสีส้มมีอีกเรือนที่มีแมลงวันเกาะด้านบน เงาของมันคล้ายกับลักษณะของมนุษย์ อีกทั้งฉากหลังของภาพยังเป็นคาบสมุทรทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของแคว้นกาตาลุญญา ซึ่งเป็นฉากที่เขาใช้ในหลาย ๆ ภาพอีกด้วย
ต่อมาในปีค.ศ. 1977 ก็ได้นำผลงานนาฬิกา “The Persistence of Memory“ หรือนาฬิกาเหลวมาต่อยอดขึ้นอย่างชัดเจน จนกลายมาเป็น “Profile of Time” ผลงานประติมากรรมของตาลุงหนวด ที่ตอกย้ำถึงความเป็นศิลปินในตัวเขาเข้าไปอีก และยังมีผลงงานรูปทรงนาฬิกาของเขาอีกหลายชิ้นที่ได้นำมาพัฒนา ปรับปรุงต่อจนกลายมาเป็นสไตล์ Salvador Dalí ผู้ที่ทำให้นาฬิกานั้นมีคุณค่า มากกว่าการใส่โชว์
2. The Enigma of Hitler
ปริศนาของฮิตเลอร์
“สายโทรศัพท์ที่ถูกตัดขาดในภาพเขียนถูกตีความว่าเป็นการสื่อสารที่ขาดการเชื่อมต่อระหว่างแชมเบอร์เลนและฮิตเลอร์ ทั้งหมดนี้แสดงถึงปฏิกิริยาของดาลี เมื่อเขาได้ยินการประชุมที่มิวนิกในปี ค.ศ. 1939”
คำบรรยายสุดลึกล้ำในเบื้องหน้าของภาพวาดที่เป็นทิวทัศน์ฉากชายหาดที่มอนติคาร์โล ตาลุงหนวดได้วาดชามซุปขนาดใหญ่ที่มีรูปปั้นจิ๋วที่มีลักษณะคล้ายกับฮิตเลอร์ พร้อมด้วยถั่วจำนวนหนึ่ง การครอบงำของภาพที่เป็นเครื่องรับโทรศัพท์ ที่บางส่วนได้สึกกร่อนไปตามเวลา จากกิ่งไม้ที่มีความเป็นตะปุ่มตะป่ำ แขวนด้วยร่มสีเทาที่ดูแล้วชวนให้เกิดความกลัว ความเศร้าสลด และยังมีภาพค้างคาวสองตัว ที่ตัวหนึ่งห้อยอยู่ใต้โทรศัพท์ อีกตัวกำลังลากอาหารออกจากจาน แสดงให้เห็นร่มของเนวิลล์ แชมเบอร์เลนที่กำลังกลายเป็นค้างคาว ซึ่งเป็นสิ่งที่เต็มไปด้วยความกลัวของวัยเด็กในตัวเขา
ค้างคาวเป็นสัญลักษณ์แห่งช่วงยุคมืด เพราะเป็นการแสดงออกถึงอารมณ์ที่มืดมนของยุคสมัยและแสดงถึงความเผด็จการที่หมกมุ่นเพิ่มขึ้น โดยการสังเกตจากนักจิตศิลปวิเคราะห์ได้เสนอถึงการตีความเป็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ อย่างกระบอกร่ม และน้ำหยดจากกระบอกเสียงที่บ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาที่ฝนตก แสดงถึงช่วงเวลาที่มืดมน และคลุมเครือ
3. The Great Masturbator
หนังสือทำอาหารแบบฉบับอีโรติก
แม้ตาลุงหนวดจะกลัวการมีเพศสัมพันธ์ แต่นี้ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เขาหยิบนำมาสร้างสรรค์ผลงานที่สุดแสนเหนือจินตนาการอยู่บ่อยครั้ง โดยงานชิ้นนี้ได้ถูกตีพิมพ์เป็นหนังสือทำอาหารสุดอิโรติก ที่ใช้ชื่อว่า “The Great Masturbator” หรือมีอีกชื่อเรียกว่า “Les Diners de Gala” โดยตาลุงหนวดได้เป็นคนทั้งคิดเขียนเนิ้อหา และวาดภาพประกอบหนังสือเล่มนี้โดยตัวคนเดียว ภายในหนังสือเล่มนี้ได้แบ่งออกเป็น 12 บท ประกอบไปด้วยเมนูอาหารที่หลากหลายมากกว่า 133 เมนู อธิบายและพูดถึงวัตถุดิบนานาชาตินานาชนิดตั้งแต่หอย กุ้งล็อบสเตอร์ ผักโขม เป็นตัวกลางสื่อความหมายที่กระตุ้นให้เกิดถึงอารมณ์ทางเพศ ข้างในเมนูก็จะมีหลากหลายแบบที่ทำให้ผู้อ่านเกิดความประหลาดใจ และเกินกว่าที่จินตนาการออกมาได้ตามแบบงานเขียน และงานวาดแบบสไตล์ Surrealist ที่เขาถนัดและชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง ได้แก่ ไข่พันปี (Thousand Year Old Eggs), เนื้อลูกวัวยัดไส้หอยทาก (Veal Cutlets Stuffed With Snails), พายกบ (Frog Pasties) และท็อฟฟี่ใส่ลูกสน (Toffee with Pine Cones)
รู้หรือไม่ ? ผลงานอันโด่งดังในแวดวงภาพยนตร์ และอุตสาหกรรมที่เราเห็นและคุ้นชินตากัน ก็เป็นผลงานของ “Salvador Dalí”
1. Money Heist
ซีรีส์ทรชนคนปล้นโลก
ซีรีส์อาชญกรรมสัญชาติสเปนสุดฮิต ที่ได้มีการหยิบนำไปรีเมคอยู่หลากหลายประเทศ ว่าด้วยเรื่องราวของทีมนักปล้นภายใต้การบงการของผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมในการปล้นครั้งนี้อย่าง ‘The Professor’ หรือที่ใคร ๆ ต่างก็เรียกว่า “ศาสตราจารย์” พวกเขาได้วางแผนการปล้นอันยิ่งใหญ่ที่โรงกษาปณ์และธนาคารกลางแห่งชาติของสเปน ด้วยความซับซ้อนของกลยุทธในการวางแผนโจรกรรมบวกกับจิตวิทยาการถ่ายทอดตัวละครสุดเหนือชั้น ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้โด่งดังได้รับกระแสวิพากย์ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก
“จากบทสนทนาระหว่างเดนเวอร์และมอสโก – สองโจรผู้ปล้นโรงกษาปณ์ภายในเรื่อง
ได้ช่วยไขข้อสงสัยว่าใบหน้าของชายหนุ่มวัยกลางคนสุดทะเล้นกับหนวดชี้แหลมเป็นเอกลักษณ์ ของหน้ากากที่ใช้ในการปล้น คือหน้าตาของ (Salvador Dalí) ศิลปินชื่อดังชาวสเปน ผู้เป็นศิลปินกลุ่มเหนือจินตการ สุดแปลกไม่เหมือนใคร“
โดยให้เหตุผลในการหยิบใบหน้าของตาลุงหนวด มาใช้ทำเป็นหน้ากากซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของในเรื่อง Money Heist เพราะจะสื่อถึงการนำเสนอในการต่อต้านสังคมกฎระเบียบ ขนบธรรมเนียม และประเพณีต่างๆ อีกทั้งยังปฏิเสธความเป็นเหตุผลในพื้นฐานทั้งหมด ซึ่งถูกหยิบนำมาเป็นไอเดียและแรงบันดาลใจของการทำซีรีส์เรื่องนี้
2. โลโก้ Chupa Chups
นอกจากผลงานรูปวาดแนว Surrealist แล้วนั้น ก็ยังมีสื่อศิลปะหลากหลายแบบ ที่ตาลุงหนวดได้ออกแบบหนึ่งในนั้น คือการออกแบบโลโก้ให้กับโรงงานลูกอม Chupa Chups ด้วยตัวเองในปี ค.ศ. 1969 ซึ่ง ณ ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่เขากำลังโด่งดังสุด ๆ อีกด้วย ถ้าหากพูดถึงลูกอม Chupa Chups ก็คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักแบรนด์นี้ แบรนด์อมยิ้มอมตะ ที่ใช้เวลาในการออกแบบเพียงแค่หนึ่งชั่วโมง ดีไซน์โดยใช้สีที่ได้แรงบันดาลใจมาจากประเทศสเปน ซึ่งเป็นประเทศที่ตั้งของบริษัทแม่ การออกแบบโลโก้ในครั้งนี้ใช้สีสันแบบร่วมสมัยและเปลี่ยนแปลงโฉมห่อของใหม่ แต่ยังมีการใช้สีแดง สีเหลือง ที่สื่อถึงความสดใส และเพิ่มขอบหยักให้กับดอกเดซี่นิดหน่อย ซึ่งเมื่อเราเดินไปร้านสะดวกซื้อที่ไหน ก็จะเห็นลูกอม Chupa Chups ตั้งแผงอยู่หน้าร้านเสมอ เหมือนกับศิลปะการออกแบบของตาลุงหนวดที่ไม่เคยห่างหายไปไหน
3. Icon Furniture - Marilyn Bocca
ไอคอนิกเฟอร์นิเจอร์รูปโซฟาที่มาพร้อมริมฝีปากสีแดงสุดอลังการ โดนตาลุงหนวดได้ออกแบบโซฟานี้ในปีค.ศ. 1936 โดยได้รับการจ้างวานจากมหาเศรษฐี Edward James ตาลุงหนวดได้เลือกออกแบบรูปวาดที่มีลักษณะเป็นริมฝีปากของนักแสดงสาวผู้นี้ ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังสุด ๆ ในยุค 30 s เพราะเนื่องจากเขาเคยวาดรูปของเธอมาก่อน ปัจจุบันมีโซฟาอยู่เพียงแค่ 5 ตัวในโลกนี้ แต่ภายหลังในปีค.ศ. 1972 กลุ่มนักออกแบบ Studio 65 ก็นำไปหยิบยืมไอเดียไปพัฒนาเป็นโซฟา Marilyn Bocca ตามรูปริมฝีปากของ Marilyn Monroe อีกหนึ่งเซ็กซ์ซิมโบลในยุคต่อมา จนโซฟานี้กลายเป็นผลงานสุดชิค ถือได้ว่าเป็นไอคอนิกประจำแวดวงเกี่ยวกับแฟชั่นเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ไปเลยก็ว่าได้