Leonardo Davinci อัจฉริยะด้านจินตนาการ ผู้ฟื้นฟูศิลปวิทยา

ใน วันสำคัญ

“สมุดบันทึก และภาพเขียนของเขา เล่นกับแสงเงา มุมมอง สีและการเคลื่อนไหว 
มนุษย์สำหรับเขาในตอนนั้นช่างน่าทึ่งเหลือเกิน”

 

        การแสดงออกอย่างอัจฉริยะของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ในโลก ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของเขาผู้คนมักเห็นชื่อของเขาตามตำรา หนังสือในแขนงวิชาเกี่ยวกับศิลปกรรมต่าง ๆ  ชายผู้นี้นอกจากเป็นศิลปิน นักมนุษยนิยมแล้วนั้น ตัวของเขายังได้มีการทำให้โลกใบนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นศิลปินผู้ได้รับการยกย่อง หรือ “พหูสูตนักฟื้นฟูศิลปวิทยา” กับความอัจฉริยะของเขาที่สามารถสังสรรค์งานด้วยการสังเกตด้วยจินตนาการ

ภาพวาดรูปเสมือน Leonardo Davinci
         Leonardo da Vinci เกิดในประเทศอิตาลี ที่เมือง Tuscany ในหมู่บ้าน Vinci เขาเป็นลูกคนเดียวของ Piero da Vinci ทนายความและนายกรัฐมนตรีแห่งฟลอเรนซ์ และ Caterina Lippi เด็กสาวชาวนา เขาเป็นเด็กนอกกฏหมาย แต่ได้รับโอกาสให้ศึกษาในสตูดิโอของจิตรกรชื่อ Andrea del Verrocchio จนในที่สุดก็โด่งดังในแวดวงเกี่ยวกับงานประวัติศาสตร์ศิลปะ และได้กลายเป็นบุคคลสำคัญของโลกไปในที่สุด             
         Davinci ผู้หลงใหลกับธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมรอบตัว จดจำเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่รอบตัวเขา เมื่อเกิดความสงสัย ก็จะเกิดการตั้งคำถามและนำไปสู่การหาคำตอบ โดยมีความอยากรู้อยากเห็นเป็นแรงผลักดันใหม่ ๆ อยู่เสมอ ตัวเขาได้ทำการทดลองอยู่หลายครั้งและต่อเนื่องจนนำมาสู่การค้นพบในคำตอบใหม่ ซึ่งลักษณะนิสัยแบบนี้ของเขาทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการออกแบบประดิษฐ์ งานศิลปะต่าง ๆ เกิดขึ้นในเวลาต่อมา
      Leonardo da Vinci  ศิลปินผู้เป็นตำนาน

  “ความอยากรู้ ความอยากเห็นที่ไร้ขีดจำกัด และการบันทึกความคิดกว่าหลายพันหน้า 
คือการแสดงออกถึงความเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง”


         สมุดบันทึกประจำของ “Leonardo da Vinci” ปัจจุบันมีมากกว่า 7,200 หน้า และนับเป็น 1 ใน 4 ของผลผลิตของงานทั้งหมด การจดบันทึกสะท้อนถึงรายละเอียด และความทรงจำทีละนิด ที่เกิดขึ้นรอบตัวเขา ก่อนที่จะเริ่มสนใจสิ่งใด จะปล่อยให้จินตนาการไหลไปก่อน อย่างเช่น ในขณะที่เขากำลังเห็นนกโบยบิน เขากลับจินตนาการถึงมังกร และนางฟ้า ความสนใจรอบโลกในการเดินทางต่าง ๆ เพื่อสังเกตสีหน้าบนใบหน้าของผู้คน ทิศทางของแสงและเงาที่ตกกระทบลงบนใบหน้า หรือแม้กระทั่งการศึกษาทางกายภาพ เชิงวิเคราะห์เกี่ยวกับมนุษย์หรือสัตว์ การเล่นสำนวนภาพ และบางทีความคิดฟุ้งซ่าน ก็อาจทำให้เกิดการริเริ่มสร้างความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ได้
 

เปิดกรุ 3 ผลงานศิลปะในตำนานของ Leonardo Davinci   
ที่สร้างชื่อเสียงมาจนถึงปัจจุบัน

1. Mona Lisa

รูปวาด Mona Lisa โดย Leonardo Davinci

         

       “โมนา ลิซ่า” ผู้หญิงที่มีรอยยิ้มน่าหลงใหล แต่แอบแฝงอารมณ์ชวนลึกลับในเวลาเดียวกัน ภาพวาดนี้นับเป็นสิ่งที่เลอค่า งดงามเกินกว่าที่จะจินตนาการ เป็นภาพที่มีชื่อเสียงจนผู้คนกล่าวขานเป็นตำนานมาจนถึงปัจจุบัน และได้มีการตีความภาพนี้ไปในทิศทางต่าง ๆ ในสาขาวิชาแขนงเกี่ยวกับศิลปะ รวมไปถึงการทำภาพล้อเลียนกันอย่างกว้างขวาง

 
 หลายคนอาจสงสัยว่าภาพ “โมนา ลิซ่า” ผู้หญิงที่อยู่ในรูปนั้นคือใคร ?

       เธอคือ ลิซ่า เดล จิโอคอนโดล หญิงชนชั้นสูงแห่งชาวอิตาเลียน แห่งตระกูล Gherardni ซึ่งผู้เป็นผู้หญิงในอุดมคติของใครหลาย ๆ คน แต่หลังจากนั้นตระกูลของเธอก็ตกต่ำลง แต่เธอก็ยังใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย แต่ไม่ได้ร่ำรวยเทียบเท่าเหมือนกับบรรพบุรุษของเธอ

       สาเหตุหลักที่เขาเลือกเธอมาเป็นแบบวาดของภาพในครั้งนี้ เกิดจากสามีของเธอซึ่งอยู่ในตระกูลฟรานเชสโก ผู้เป็นคนที่คลั่งไคล้เกี่ยวกับงานศิลปะ และตอนนั้นเองลิซ่าเพิ่งได้ให้กำเนิดบุตรชาย สามีของเธอจึงอยากได้ภาพเหมือนภรรยาของเขาสักรูป ประจวบกับตอนนั้นเขาเองก็ยังไม่ได้มีรายรับสักเท่าไรนัก แต่สุดท้ายภาพนี้ก็ส่งไปไม่ถึงคนในตระกูลฟรานเชสโก เพราะตอนนั้นดาวินชีติดรับวาดภาพอื่น ๆ อีกด้วย ทำให้ไม่มีเวลาทำภาพนี้ให้เสร็จ 

      หลายปีต่อมาคนส่วนใหญ่เชื่อว่าภาพนี้น่าจะวาดเสร็จในช่วง ค.ศ. 1517  และในท้ายที่สุดภาพนี้ได้ตกเป็นสมบัติส่วนตัวของพระเจ้าฟรานซิสที่ 1  แห่งฝรั่งเศส โดยการซื้อภาพนี้ต่อจากลูกศิษย์ของดาวินซี จนกระทั่งเกิดการปฏิวัติเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1789 ปัจจุบันภาพนี้ได้จัดแสดงโชว์อยู่ในพิพธภัณฑ์ Lourve กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีผู้คนมากมายไปชมผลงานที่น่าหลงใหลชิ้นนี้กันถ้วนหน้า และภาพนี้ยังมูลค่าเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นภาพที่แพงที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้

 

2. The Last Supper

หรือที่เรียกกันว่า “ภาพอาหารค่ำมื้อสุดท้าย”
  หนึ่งในผลงานชิ้นเอก ที่ผู้คนให้ความสนใจกันอย่างกว้างขว้าง

 

ภาพอาหารค่ำมื้อสุดท้าย หรือ The Last Supper

 

“ภาพวาดนั้นสะท้อนความคิดและความเชื่อของศิลปินในผลงานได้อย่างดี
และสิ่งที่เราสร้างหรือกระทำนั้นก็สะท้อนสิ่งที่อยู่ภายในของเรา”
“ไม่ว่าพวกท่านจะทำสิ่งใด ก็จงทำด้วยความเต็มใจเหมือนทำถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า
ไม่ใช่เหมือนทำต่อมนุษย์ - (โคโลสี 3:23) ”

 

 

       จิตรกรรมบนฝาผนังชิ้นสำคัญที่ถ่ายทอดเหตุการณ์ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล เกี่ยวกับช่วงระหว่าง เหตุการณ์ที่พระเยซูและเหล่าสาวกทั้ง 13 คนกำลังรับประทานอาหารค่ำมื้อสุดท้าย ที่พระองค์จะจับได้ว่ามีคน ๆ หนึ่งในหมู่ของพวกเขาทรยศต่อพระองค์ ก่อนที่ท่านจะถูกนำไปจับตึงบนไม้กางเขน

      ซึ่งภาพนี้นับเป็นภาพวาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของเขา สามารถสะท้อนถึงเรื่องราว อารมณ์ ความรู้สึก และการแสดงออกของเหล่าสาวกได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันสามารรับชมผลงานได้ที่โบสถ์ Santa Maria delle Grazie ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี

 

สัญญะภาพอาหารค่ำมื้อสุดท้าย

 “ถอดรหัสความหมาย ความลึกซึ้ง และสัญญะที่ซ่อนอยู่ในภาพ”

 

        เทคนิคการสื่อความทัศนมิติเกี่ยวกับจุดนำสายตาของภาพ ที่ทุกเส้นมีจุดนำจากจุด ๆ จุดเดียวกัน นั้นคือ ศีรษะของพระเยซู ซึ่งเชื่อกันว่านั้นคือจุดเริ่มต้นของแหล่งกำเนิดทุกสิ่งทุกอย่าง ความหมายของตรีเอกภาพของพระเจ้า พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นการจัดวางองค์ประกอบ แบบสามเหลี่ยม และวาดหน้าต่างสามบานไว้ ซึ่งเปรียบเหมือนแสงสว่างที่ส่องเข้ามาภายในห้อง หมายถึงสวรรค์และความศักดิ์สิทธิ์

 

สัญญะภาพอาหารค่ำมื้อสุดท้าย

 

        หรือแม้กระทั่งการซ่อนเรื่องราวในฉากต่อไปเอาไว้ในภาพ หากสังเกตุให้ดีในภาพจะมีเรื่องราวมากมาย หลากหลายเหตุการ์ณที่ชวนนำไปคิดต่อถึงสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกต่อไป อย่างเช่นสาวกยูดาสที่กำลังทรยศพระเยซูกำลังถือถุงใส่เงินอยู่ เพราะเขาได้ขายพระเยซูให้กับพวกยูดาส หรือจะเป็นสาวกเปโตรผู้ที่ถือมีดไว้ในตัว  

 

3. Vitruvian Man

 

รูป Vitruvian man กายวิภาคศาสตร์ของมนุษย์

“ภาพสัดส่วนของมนุษย์ที่ถูกต้อง เป็นตัวอย่างของการผสมผสานระหว่างศิลปะ กับ วิทยาศาสตร์ และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติ กับ มนุษย์ได้อย่างน่าอัศจรรย์”

 

       หลายคนอาจคุ้นกับภาพสิ่งนี้ อาจมักพบเห็นได้ตามหนังสือ ตำรา หรือสัญลักษณ์โลโก้เกี่ยวกับทางการแพทย์ต่าง ๆ ภาพนี้เรียกว่า “Vitruvian man ” ซึ่งจะไม่ได้เหมือนกับงานศิลปะทั่วไป ที่เขาได้สร้าสรรค์ขึ้นมา ด้วยความที่เขาสนใจในวิชาด้านคณิตศาสตร์ และกายวิภาคศาสตร์ จึงได้ร่างแบบที่มีลักษณะเป็นมนุษย์เพศชายสองร่างทับซ้อนกัน ที่วางของตำแหน่งของในส่วนแขนและขา อยู่ภายใต้รูปวงกลม และสี่เหลี่ยม อธิบายถึงสัดส่วนและความสมมาตรของร่างกายมนุษย์ โดยอาศัยความสัมพันธ์ของสัดส่วนร่างกายมนุษย์ และรูปทรงเรขาคณิต โดยมีต้นแบบจาก Vitruvius  วิศวกรในสมัยโรมันขึ้นมา
      ใต้รูปภาพมีข้อความที่ ลีโอนาร์โด ดาร์วินชี ได้อธิบายถึงอัตราส่วนที่เขาได้วาดภาพนี้ขึ้นมาตามอัตราส่วนในอุดมคติ และนั้นทำให้ภาพนี้ได้กลายมามีชื่อเสียง และถูกจัดแสดงตั้งอยู่ Galleria dell’ Accademia เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
      
      และในวันที่ 15 เมษายน นี้ ตรงกับวันคล้ายวันเกิดของ “Leonardo Davinci” ถ้าพูดถึงบุคคลนี้ในแวดวงแขนงเกี่ยวกับศิลปะ ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของเขา หลายคนขนานนามให้เขาคนนี้ว่า “อัจฉริยะด้านจินตนาการ ผู้ฟื้นฟูศิลปวิทยา”